ต้นมะกอก Olive
เรื่องเล่าจาก ต้นมะกอก Olive การเดินทางจากต่างแดนสู่เมืองไทย
ต้นมะกอกฝรั่ง หรือ ต้นมะกอก Olive เป็นต้นไม้ที่มาแรงแซงไม้ด่างชนิดต่าง ๆ ไปอย่างคาดไม่ถึง ด้วยความสวยสง่าของลำต้นที่แฝงไปด้วยเรื่องเล่าและความเชื่อ ทำให้ต้นไม้ชนิดนี้ กลายเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนในเวลาอันรวดเร็ว แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัดเลี้ยงไม้ใบเยอะ ๆ อาจจะต้องทำความเข้าใจและรู้จักเกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้กันสักหน่อย ซึ่งบทความนี้เรามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทางของต้นไม้ชนิดนี้มาฝาก
ความเชื่อที่กลายเป็นความนิยมเกี่ยวกับ ต้นมะกอก Olive
มะกอกโอลีฟ เป็นต้นไม้ที่สืบต้นกำเนิดกลับไปได้ถึงอารยชนเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีการค้นพบซากหินที่มีร่องรอยของใบมะกอกที่กลายเป็นฟอสซิลมีอายุมากถึง 10 ล้านปีก่อน อีกทั้งยังมีการค้นพบเศษซากของพันธุ์พืชชนิดนี้ที่กลายเป็นฟอสซิล อยู่ใต้ชั้นหินในยุค 10,000 ปีก่อนคริสตกาล
ในปัจจุบันเราสามารถพบสัญลักษณ์ที่เป็นลวดลายของช่อมะกอกได้จากหลายองค์กร เช่น ตราของสหประชาชาติ, โลโก้ของ Fred Perry และบนหมวกของกัปตันเรือ ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงการเกิดขึ้นของพืชชนิดนี้นับถอยหลังไปได้อย่างยาวนาน โดยในหลายวัฒนธรรม มักจะนิยมนำช่อมะกอกไปประยุกต์เข้ากับงานศิลปะ และนำไปเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา
โดยเฉพาะในประเทศกรีซ มีความเชื่อและเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ต้นมะกอกเป็นของขวัญจากเทพอะธีนา ที่ได้เนรมิตขึ้นมา เพื่อแข่งกับเทพโพไซดอนที่ได้เมรมิตม้า และให้ชาวเมืองได้ตัดสินว่าการเนรมิตทั้ง 2 สิ่งนี้ อะไรที่มีประโยชน์แก่ชาวเมืองมากกว่ากัน ส่วนชาวเมืองก็ลงความเห็นว่าต้นมะกอกมีประโยชน์มากกว่า เทพอะธีนาจึงกลายเป็นผู้ชนะ จากนั้นชาวเมืองจึงได้ตั้งชื่อเมืองของเขาว่า “เอเธนส์” เพื่อเป็นการระลึกถึงเทพอะธีนา จนกระทั่งสัญลักษณ์ช่อมะกอกนี้ ได้กลายสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพ, สันติภาพ, เกียรติยศ และชัยชนะ
ต้นOlive มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Olea Europaea L ซึ่งจัดอยู่วงศ์ Oleaceae มีลักษณะเป็นต้นไม้ยืนต้น ที่มีอายุยืนยาวมากกว่าร้อยปี ความสวยงามและความโดดเด่นของต้นไม้ชนิดนี้ อยู่ที่ลำต้นที่มีสีเทา และมีความบิดเบี้ยวแบบมีสไตล์ คือมีลักษณะพันกันเกลียวที่ลำต้น ทำให้จากความบิดเบี้ยวจึงกลายเป็นเส้นสายที่มีความอ่อนช้อย ส่วนกิ่งก้านเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะแผ่ขยายออกไป และด้วยลำต้นที่มีความสูงเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 3-15 เมตร ทำให้ภาพรวมของต้นไม้ชนิดนี้มีความโดดเด่น แข็งแรง สวยงาม อีกทั้งยังไม่บดบังทิวทัศน์อื่น ๆ
ส่วนใบของต้นมะกอกจะมีใบสีเขียวตลอดทั้งปี โดยจะออกดอกสีขาวที่บริเวณซอกใบ ก่อนที่จะกลายเป็นผลที่มีขนาดเล็กมีทั้งสีเขียวและสีดำ ที่สำคัญคือผลของ มะกอกโอลีฟ สามารถนำมารับประทานได้ อีกทั้งยังมีน้ำมันที่มีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
วิธีการดูแลและขยายพันธุ์ ต้นมะกอก
การปลูก ต้นโอลีฟ หากต้องการปลูกเป็นจำนวนมาก ควรต้องเว้นระยะห่างระหว่างต้นออกจากกันพอสมควร เพราะอย่าลืมว่าต้นไม้ชนิดนี้ เป็นต้นไม้ยืนต้น ที่มีความสูงเต็มที่ 3-15 เมตร อีกทั้งยังมีกิ่งก้านสาขาและใบที่ดก ดังนั้นไม่ปลูกติดกัน และควรเว้นระยะห่างระหว่างกันประมาณ 6 เมตร
การขยายพันธุ์สามารถทำได้ทั้งวิธีตอนกิ่ง ปักชำ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากต้นพืช ซึ่งในวิธีทั้งหมดนี้วิธีการปักชำคือวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และหลังจากทำการปลูกแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 5-7 ปีขึ้นไป จึงได้ผลผลิต ซึ่งเมื่อออกผลผลิตแล้วจะให้ต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นจนต้นไม้มีอายุถึง 35 ปี ซึ่งถ้าผู้ปลูกใส่ใจดูแลต้นไม้เป็นอย่างดี ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างยาวนานต่อเนื่อง และที่สำคัญคือต้นไม้ชนิดนี้ เลี้ยงง่าย เติบโตง่าย และไม่ชอบน้ำ จึงเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ต้นมะกอก ต้นไม้ที่สืบย้อนเวลากลับไปถึงถิ่นกำเนิดของอารยชนเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นจึงได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ประเทศไทย พร้อมด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งความหมายแฝงที่อยู่ในช่อมะกอก ความสวยงามแต่แข็งแกร่งของลำต้น และผลผลิตที่สามารถเก็บเกี่ยวสร้างเป็นรายได้ ทำให้ปัจจุบันมีผู้สนใจปลูกต้นไม้ชนิดนี้กันเป็นจำนวนมาก ทั้งการปลูกเพื่อตกแต่งสวนให้สวยงามมีสง่าราศี และการปลูกเพื่อต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิต
